ดวงจันทร์ (Moon)
ดวงจันทร์
ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก โคจรรอบโลกทุกๆ 27 วัน 8 ชั่งโมง และขณะเดียวกันก็หมุนรอบแกนตัวเองได้ครบหนึ่งรอบพอดีด้วย ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ด้านเดียว ไม่ว่าจะมองจากส่วนไหนของโลก ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง มนุษย์เพิ่งจะได้เห็นภาพ เมื่อสามารถส่งยานอวกาศไปในอวกาศได้ บนพื้นผิวดวงจันทร์ร้อนมากในบริเวณที่ถูกแสงอาทิตย์ และเย็นจัดในวริเวณเงามืด ที่พื้นผิวของดวงจันทร์มีปล่องหลุมมากมาย เป็นหมื่นๆหลุม ตั้งแต่หลุมเล็กไปจนถึงหลุมใหญ่มีภูเขาไฟและทะเลทรายแห้งแล้ง
ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับดวงจันทร์
เส้นผ่าศูนย์กลาง 3,476 กิโลเมตร
มวล 0.012 เท่าของโลก
ความหนาแน่น 3.3 เท่าของน้ำ
ระยะห่างจากโลกโดยเฉลี่ย 384,400 กิโลเมตร
ระยะที่อยู่ใกล้ที่สุด 365,400 กิโลเมตร
ระยะห่างมากที่สุด 406,700 กิโลเมตร
เวลาหมุนรอบตัวเอง 27.32 วัน (นับแบบดาราคติ)
เวลาหมุนรอบโลก 29.53 วัน (นับแบบจันทรคติ)
เอียงทำมุมกับเส้นอีคลิปติค 5 องศา
เอียงทำมุมกับแกนตัวเอง 6 1/2 องศา
วัฏจักรของดวงจันทร์ เราทราบแล้วว่า ถ้านับเดือนทางจันทรคติ แล้วดวงจันทร์จะโคจรรอบโลกหนึ่งรอบ กินเวลา 29 1/2 วัน ถ้าเรานับจุดเริ่มต้นของดวงจันทร์ที่วันเดือนดับ (New moon) เป็นช่วงที่ดวงจันทร์ อยู่เป็นเส้นตรงระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงจันทร์ทึบแสง คนบนโลกจึงมองไม่เห็นดวงจันทร์ แล้วก็เป็นวันข้างขึ้นทีละน้อย เราจะเห็นดวงจันทร์สว่างเป็นเสี้ยวทางขอบฟ้าตะวันตก และจะเห็นดวงจันทร์ขึ้นสูงจากขอบ
ฟ้าทิศตะวันตก ไปทางทิศตะวันออก พร้อมกับมีเสี้ยวสว่างมากขึ้น พอถึงช่วงวันขึ้น 7-8 ค่ำ ดวงจันทร์จะสว่างครึ่งซีกอยู่ตรงกลางท้องฟ้าพอดี (Quarter) วันต่อมาจะเพิ่มเสี้ยวสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันขึ้น 14-15 ค่ำ ดวงจันทร์จะมาอยู่ตรงเส้น ระหว่างดวงอาทิตย์และโลก ทำให้ดวงจันทร์เกิดสว่างเต็มดวง (Full moon) หลังจากนั้นดวงจันทร์กลายเป็นข้างแรม ดวงจันทร์จะขึ้นช้าไปเรื่อยๆ จนหายไปในท้องฟ้าจะเห็นเดือนดับ แล้วก็เริ่มต้นใหม่ เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ การเกิดข้างขึ้นข้างแรม เนื่องจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก 1 รอบ เท่ากับมันโคจรรอบตัวเอง 1 รอบพอดี ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ดังนั้นเราจึงเห็นดวงจันทร์เพียงซีกเดียวตลอดเวลา
ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก โคจรรอบโลกทุกๆ 27 วัน 8 ชั่งโมง และขณะเดียวกันก็หมุนรอบแกนตัวเองได้ครบหนึ่งรอบพอดีด้วย ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ด้านเดียว ไม่ว่าจะมองจากส่วนไหนของโลก ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง มนุษย์เพิ่งจะได้เห็นภาพ เมื่อสามารถส่งยานอวกาศไปในอวกาศได้ บนพื้นผิวดวงจันทร์ร้อนมากในบริเวณที่ถูกแสงอาทิตย์ และเย็นจัดในวริเวณเงามืด ที่พื้นผิวของดวงจันทร์มีปล่องหลุมมากมาย เป็นหมื่นๆหลุม ตั้งแต่หลุมเล็กไปจนถึงหลุมใหญ่มีภูเขาไฟและทะเลทรายแห้งแล้ง
ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับดวงจันทร์
เส้นผ่าศูนย์กลาง 3,476 กิโลเมตร
มวล 0.012 เท่าของโลก
ความหนาแน่น 3.3 เท่าของน้ำ
ระยะห่างจากโลกโดยเฉลี่ย 384,400 กิโลเมตร
ระยะที่อยู่ใกล้ที่สุด 365,400 กิโลเมตร
ระยะห่างมากที่สุด 406,700 กิโลเมตร
เวลาหมุนรอบตัวเอง 27.32 วัน (นับแบบดาราคติ)
เวลาหมุนรอบโลก 29.53 วัน (นับแบบจันทรคติ)
เอียงทำมุมกับเส้นอีคลิปติค 5 องศา
เอียงทำมุมกับแกนตัวเอง 6 1/2 องศา
วัฏจักรของดวงจันทร์ เราทราบแล้วว่า ถ้านับเดือนทางจันทรคติ แล้วดวงจันทร์จะโคจรรอบโลกหนึ่งรอบ กินเวลา 29 1/2 วัน ถ้าเรานับจุดเริ่มต้นของดวงจันทร์ที่วันเดือนดับ (New moon) เป็นช่วงที่ดวงจันทร์ อยู่เป็นเส้นตรงระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงจันทร์ทึบแสง คนบนโลกจึงมองไม่เห็นดวงจันทร์ แล้วก็เป็นวันข้างขึ้นทีละน้อย เราจะเห็นดวงจันทร์สว่างเป็นเสี้ยวทางขอบฟ้าตะวันตก และจะเห็นดวงจันทร์ขึ้นสูงจากขอบ
ฟ้าทิศตะวันตก ไปทางทิศตะวันออก พร้อมกับมีเสี้ยวสว่างมากขึ้น พอถึงช่วงวันขึ้น 7-8 ค่ำ ดวงจันทร์จะสว่างครึ่งซีกอยู่ตรงกลางท้องฟ้าพอดี (Quarter) วันต่อมาจะเพิ่มเสี้ยวสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันขึ้น 14-15 ค่ำ ดวงจันทร์จะมาอยู่ตรงเส้น ระหว่างดวงอาทิตย์และโลก ทำให้ดวงจันทร์เกิดสว่างเต็มดวง (Full moon) หลังจากนั้นดวงจันทร์กลายเป็นข้างแรม ดวงจันทร์จะขึ้นช้าไปเรื่อยๆ จนหายไปในท้องฟ้าจะเห็นเดือนดับ แล้วก็เริ่มต้นใหม่ เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ การเกิดข้างขึ้นข้างแรม เนื่องจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก 1 รอบ เท่ากับมันโคจรรอบตัวเอง 1 รอบพอดี ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ดังนั้นเราจึงเห็นดวงจันทร์เพียงซีกเดียวตลอดเวลา
ข้อมูลทั่วไปของดวงจันทร์
![]() |
ข้อมูลทั่วไป - เส้นผ่าศูนย์กลาง 3,476 กิโลเมตร - มวล (โลก = 1) 0.0123 เท่าของโลก - ความหนาแน่นเฉลี่ย 3,340 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร - คาบการหมุนรอบตัวเอง 27 วัน 7 ชั่วโมง 43 นาที 12 วินาที - คาบโคจรรอบโลกเทียบกับดวงอาทิตย์ 29.5 วัน - ระยะห่างจากโลกเฉลี่ย 384,400 กิโลเมตร - อุณหภูมิด้านกลางวัน 130 องศา เซลเซียส - อุณหภูมิด้านกลางคืน -170 องศา เซลเซียส
ดวงจันทร์ เป็นบริวารดวงเดียวของโลก ที่อยู่ใกล้โลกที่สุด และเป็นดินแดนนอกโลกแห่งเดียว ที่มนุษย์เดินทางไปสำรวจมาแล้ว มีความสว่างรองจากดวงอาทิตย์ แรงโน้มถ่วงต่ำราว 1 ใน 6 ของแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งต่ำเกินกว่าจะรักษาบรรยากาศไว้ได้
![]() |
โครงสร้างดวงจันทร์คาดว่าแกนในของดวงจันทร์คงมีขนาดเล็ก รัศมีราว 340 กิโลเมตร ห่อหุ้มด้วยชั้นหิน ผิวเปลือกทางด้านหันหา โลกหนาราว 60 กิโลเมตร แต่ด้านตรงข้ามหนามากกว่านั้น |
หลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์ด้านที่หันหาโลกมีชื่อเรียกตามชื่อของนักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงในอดีตกาล เช่น หลุมไทโค หลุมโคเปอร์นิคัส หลุมพโทเลมี เป็นต้น
![]() |
หลุมเครเตอร์ใหญ่ทางฟากโน้น ของดวงจันทร์ (ภาพถ่ายจากยาน อะพอลโล 11 พ.ศ.2512 ) |
![]() |
หลุมโคเปอร์นิคัส อยู่ทางเหนือของดวงจันทร์ ฟากหันหาโลก |
พบหลุมอุกกาบาตใหญ่มากอยู่ฟากโน้นของดวงจันทร์ ขนาดหลุมกว้างราว 2,250 กิโลเมตร ลึก
12 กิโลเมตร เป็นหลุมอุกกาบาตใหญ่สุดในระบบสุริยะ
สาเหตุที่ดวงจันทร์มีพื้นผิวขรุขระเต็มไปด้วยหลุมบ่อมากมาย เนื่องจากดวงจันทร์ไม่มี สนามแม่เหล็กและบรรยากาศปกป้องลมสุริยะจากดวงอาทิตย์จึงพัดกระหน่ำทำลายพื้นผิว ดวงจันทร์ตลอดอายุ 4,000 ล้านปี ได้โดยตรง
กำเนิดดวงจันทร์ มีสมมติฐานเกี่ยวกับกำเนิดดวงจันทร์หลายอย่าง คือ
- โลกกับดวงจันทร์เกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กันจากกลุ่มก้อนก๊าซ ขนาดมหึมาของเนบิวลาต้นกำเนิดของระบบสุริยะ - ดวงจันทร์แตกตัวออกจากโลก ขณะที่โลกเริ่มก่อกำเนิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นนั้น โลกมีการหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็ว ทำให้มวลสารบางส่วนหลุดออกมากลายเป็นดวงจันทร์ - โลกดึงดูดจับดวงจันทร์เป็นบริวาร ดวงจันทร์เกิดขึ้นอยู่แล้วในระบบสุริยะ ต่อมาโคจรเข้าใกล้โลก และถูกโลกดูดจับไว้เป็นบริวารในภายหลัง - โลกถูกวัตถุขนาดใหญ่พุ่งชน ทำให้มวลสารบางส่วนของโลกหลุดกระจายออก และรวมตัวกันเกิดเป็นดวงจันทร์ในภายหลัง
- โลกกับดวงจันทร์เกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กันจากกลุ่มก้อนก๊าซ ขนาดมหึมาของเนบิวลาต้นกำเนิดของระบบสุริยะ - ดวงจันทร์แตกตัวออกจากโลก ขณะที่โลกเริ่มก่อกำเนิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นนั้น โลกมีการหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็ว ทำให้มวลสารบางส่วนหลุดออกมากลายเป็นดวงจันทร์ - โลกดึงดูดจับดวงจันทร์เป็นบริวาร ดวงจันทร์เกิดขึ้นอยู่แล้วในระบบสุริยะ ต่อมาโคจรเข้าใกล้โลก และถูกโลกดูดจับไว้เป็นบริวารในภายหลัง - โลกถูกวัตถุขนาดใหญ่พุ่งชน ทำให้มวลสารบางส่วนของโลกหลุดกระจายออก และรวมตัวกันเกิดเป็นดวงจันทร์ในภายหลัง
----------------------------------------------------------------------------------------------
ปรากฏการณ์ข้างขึ้น-ข้างแรม (Lunar's Phases)
ปรากฏการณ์ข้างขึ้น-ข้างแรม เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก แล้วทำให้ผู้สังเกตที่อยู่บนโลก มองเห็นแสงที่เกิดจากการสะท้อน จากดวงอาทิตย์แตกต่างกันไป เราเรียกปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า "ปรากฏการณ์ข้างขึ้น-ข้างแรม" (Lunar's Phases)
ปัจจุบัน เราทราบว่า ดวงจันทร์โคจรรอบโลกของเราด้วยระยะทางเฉลี่ยประมาณ 384,000 กม. ในทิศเดียวกับการหมุนของโลก ใช้เวลาประมาณ 27.3 วันต่อรอบ (เมื่อเทียบจากจุดเดิม)
----------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อดวงจันทร์โคจรผ่านระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ เราก็จะไม่เห็นดวงจันทร์ แต่เมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ไป เราจะค่อยๆเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์ เราเรียกว่า "ปรากฏการณ์ข้างขึ้น" ชาวอียิปต์โบราณได้สังเกต และกำหนดให้วันที่เริ่มเห็นแสงจากเสี้ยวดวงจันทร์ เป็นวันแรกของปฏิทินแบบจันทรคติของแต่ละเดือน
ช่วงข้างขึ้นจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ
![]() |
ช่วงแรก (New Moon Phase):
เราจะเริ่มเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์ทางขอบฟ้าทิศตะวันตก หลังพลบค่ำไปแล้ว โดยจะค่อยๆเห็นดวงจันทร์มากขึ้น และจะเห็นสูงขึ้นวันละประมาณ 12 องศา และจะเห็นดวงจันทร์ตกทางขอบฟ้าทิศตะวันตกช้าลง วันละประมาณ 50 นาที ช่วงนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Waxing Crescent
![]() |
ช่วงสอง (First Quarter Phase):
ประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากเริ่มปรากฏการณ์ข้างขึ้น เราจะเห็นดวงจันทร์ประมาณครึ่งดวง หันด้านนูนไปทางทิศตะวันตก โดยจะเห็นสูงสูงกลางท้องฟ้าเยื้องไปทางซีกโลกใต้ ในช่วงหัวค่ำ และจะค่อยๆลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกช่วงเที่ยงคืน ช่วงนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Waxing Gibbous"
-------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อจันทร์เต็มดวง หรือจันทร์เพ็ญ (Full Moon Phase)
![]() |
ประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากเริ่มปราฏการณ์ข้างขึ้น เราจะเห็นจันทรเต็มดวง เหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกตั้งแต่ช่วงค่ำ โดยจะเห็นได้ตลอดคืน จนกระทั่งดวงจันทร์ลับขอบฟ้าทิศตะวันตก ในช่วงเช้า
ดวงจันทร์เต็มดวง เป็นที่มาของวันสำคัญต่างๆ เช่น วันมาฆบูชา (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 หรือ 4),วันวิสาขบูชา (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือ 7), วันลอยกระทง (วันเพ็ญ เดือน 12) เป็นต้น
-------------------------------------------------------------------------------------------
ปรากฏการณ์ข้างแรม
เมื่อดวงจันทร์โคจรผ่านหลังโลกในทิศตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์จะค่อยๆแหว่งไปทีละน้อย เราเรียกว่า "ปรากฏการณ์ข้างแรม"
ช่วงข้างแรมจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ
ช่วงแรก:
เราจะเริ่มเห็นดวงจันทร์แหว่งทีละน้อย และจะค่อยๆเริ่มเห็นดวงจันทร์ทางทิศตะวันออกช้าลง วันละประมาณ 50 นาที ช่วงนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Waning Gibbous"
ช่วงสอง (Third Quarter Phase):
ประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากเริ่มปรากฏการณ์ข้างแรม เราจะเห็นดวงจันทร์ประมาณครึ่งดวง หันด้านนูนไปทางทิศตะวันออก โดยจะเริ่มเห็นดวงจันทร์ทางทิศตะวันออก หลังเที่ยงคืนไปแล้ว โดยจะค่อยๆเคลื่อนสูงขึ้น จนสูงสุดบนท้องฟ้าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นในช่วงเช้า หลังจากนั้น เราก็จะเริ่มเห็นดวงจันทร์ทางทิศตะวันออกช้าลง วันละประมาณ 50 นาที และจะเห็นจุดสูงสุดก่อนดวงอ่าทิตย์ขึ้น ลดลงวันละประมาณ 12 องศา ช่วงนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Waning Crescent"
-------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อดวงจันทร์โคจรผ่านหลังโลกในทิศตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์จะค่อยๆแหว่งไปทีละน้อย เราเรียกว่า "ปรากฏการณ์ข้างแรม"
ช่วงข้างแรมจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ
![]() |
ช่วงแรก:
เราจะเริ่มเห็นดวงจันทร์แหว่งทีละน้อย และจะค่อยๆเริ่มเห็นดวงจันทร์ทางทิศตะวันออกช้าลง วันละประมาณ 50 นาที ช่วงนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Waning Gibbous"
![]() |
ช่วงสอง (Third Quarter Phase):
ประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากเริ่มปรากฏการณ์ข้างแรม เราจะเห็นดวงจันทร์ประมาณครึ่งดวง หันด้านนูนไปทางทิศตะวันออก โดยจะเริ่มเห็นดวงจันทร์ทางทิศตะวันออก หลังเที่ยงคืนไปแล้ว โดยจะค่อยๆเคลื่อนสูงขึ้น จนสูงสุดบนท้องฟ้าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นในช่วงเช้า หลังจากนั้น เราก็จะเริ่มเห็นดวงจันทร์ทางทิศตะวันออกช้าลง วันละประมาณ 50 นาที และจะเห็นจุดสูงสุดก่อนดวงอ่าทิตย์ขึ้น ลดลงวันละประมาณ 12 องศา ช่วงนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Waning Crescent"
-------------------------------------------------------------------------------------------
ระยะเวลาปรากฏการณ์ข้างขึ้น-ข้างแรมในแต่ละรอบ
ปรากฏการณ์ข้างขึ้น-ข้างแรมนี้ เวลาในแต่ละรอบจะนานกว่าคาบการเคลื่อนที่รอบโลกของดวงจันทร์ เนื่องจากเมื่อดวงจันทร์โคจรรอบโลกครบ 1 รอบ โลกได้เคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งนั้นแล้ว (หรือเมื่อมองจากโลก ก็คือ ดวงอาทิตย์ได้เคลื่อนที่ ไปจากตำแหน่งเดิมนั้นแล้ว) ดังนั้น ดวงจันทร์จะมาอยู่ระหว่างโลกและดวงอาทิตย์อีกครั้งให้เราเห็น "จันทร์ดับ" ก็ต่อเมื่อดวงจันทร์ต้องเคลื่อนที่ไปอีกเล็กน้อย รวมทั้งสิ้นประมาณ 29.5 วันต่อรอบนั่นเองทำไมเราเห็นดวงจันทร์ชี้ปลายวงพระจันทร์ขึ้นฟ้า
ในขณะที่ข้างขึ้นนั้น เราจะเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์หันด้านนูนไปทางทิศตะวันตก และหันปลายวงพระจันทร์ขึ้นข้างบน คล้ายเขาควายหงายเมื่อเทียบกับขอบฟ้า ในขณะที่ผู้สังเกตดวงจันทร์ที่บนซีกโลกเหนือจะเห็นดวงจันทร์ตะแคง เนื่องจากประเทศไทยของเรา อยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตรนั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น