วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ดาวยูเรนัส(Uranus)

ดาวยูเรนัส(Uranus)


คาบโคจรดาราคติ : 84.01 ปี


รัศมีวงโคจรใกล้สุด : 18.31 หน่วยดาราศาสตร์

รัศมีวงโคจรไกลสุด : 20.07 หน่วยดาราศาสตร์
มุมเอียงวงโคจร : 0.8o
เส้นผ่านศูนย์กลางแนวศูนย์สูตร : 51,119 กิโลเมตร
ความแป้น : 0.030 
มวล : 14.50 เท่าของโลก
ความถ่วงจำเพาะ : 1.3 
อัลบีโด : 0.51 
แกนเอียง : 97.86o
คาบการหมุน : 15 ชั่วโมง 36.0 นาที (หมุนถอยหลัง)


ดวงจันทร์บริวาร :

ชื่อ
ปีที่ค้นพบ
(ค.ศ.)
เส้นผ่านศูนย์กลาง
(กม.)
รัศมีวงโคจร
(พันกิโลเมตร)
ความรี
คาบ
(วัน)
แกนเอียง
(องศา)
Cordelia19862650<0.0010.340.1
Ophelia198630540.0100.380.1
Bianca19864259<0.0010.430.2
Cressida19866262<0.0010.460.0
Desdemona19865463<0.0010.470.2
Juliet19868464<0.0010.490.1
Portia198610866<0.0010.510.1
Rosalind19865470<0.0010.560.3
Belinda19866675<0.0010.620.0
Puck198515486<0.0010.760.31
Miranda19484721290.0031.414.2
Ariel185111581910.0032.520.3
Umbriel185111722660.0054.140.36
Titania178715804360.0028.710.14
Oberon178715245830.00113.460.10
Caliban19971606000-8000high-0.10
Sycorax1997806000-8000high-0.10

--------------------------------------------------------------------------------------------

ดาวยูเรนัสเป็นดาวเคราะห์ที่ถูกค้นพบ เมื่อปี พ.ศ. 2324 (ค.ศ.1781) โดย William Herschel ชาวอังกฤษ เป็นดาวเคราะห์ ที่มีวงแหวนคล้ายดาวเสาร์ แต่ค่อนข้างจางมาก และเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียว ในระบบสุริยะจักรวาล ที่หมุนรอบตัวเอง โดยทิศตั้งฉาก กับแนวการเคลื่อนที่ รอบดวงอาทิตย์
     ดาวเคราะห์ชั้นนอกดวงต่อไปถัดจากดาวเสาร์ได้แก่ดาวยูเรนัส ดาวยูเรนัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่เป็นที่สามในระบบสุริยะ มันมีลักษณะเลือนลาง จะต้องมองดูด้วยกล้องโทรทัศน์เท่านั้นจึงสามารถมองเห็น เราเคยคิดว่ามันเป็นดาวฤกษ์ ในปี 1781 William Herschel ได้ใช้กล้องโทรทัศน์ค้นพบว่า ดาวยูเรนัสเป็นดาวเคราะห์ เขาเห็นแผ่นกลมสีเขียวที่ไม่มีรอย ต่อมา นักดาราศาสตร์ได้พบดาวบริวารห้าดวง ในปี 1977 ได้มีการพบวงแหวนของดาวยูเรนัส ถึงแม้ว่านักดาราศาสตร์จะใช้กล้องโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่สุด แต่เขาก็ยังไม่สามารถค้นหาอะไรได้มากมายนักเกี่ยวกับดาวยูเรนัสเอง ในปี 1986 ยานอวกาศวอยาเจอร์2 ได้บินผ่านดาวยูเรนัสและได้ส่งภาพที่ชัดเจนของดาวยูเรนัส และวงแหวนตลอดจนดาวบริวารของมันกลับมายังพื้นโลก ในที่สุดเราก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับดาวยูเรนัส
โลกของน้ำ
ภาพของดาวยูเรนัสจากยานอวกาศได้อธิบายว่า ทำไมนักดาราศาสตร์จึงไม่สามารถมองเห็นดาวยูเรนัสได้มากนัก ดาวยูเรนัสทั้งดวงปกคลุมด้วยหมอกสีเขียวแก่ ยานวอยาเจอร์ได้พบกลุ่มควันสองสามกลุ่มใต้หมอก แสดงให้เห็นว่าลมกำลังพัดรอบๆดาวยูเรนัสในอัตราความเร็วถึง 440 ไมล์ต่อชั่วโมง บรรยากาศประกอบด้วยแก๊ซไฮโดรเจน ฮีเลียม และมีเธน นักดาราศาสตร์บางคนคิดว่าพื้นผิวของดาวยูเรนัสปกคลุมด้วยมหาสมุทรที่ร้อน เหมือนกับดาวจูปิเตอร์และดาวเสาร์ แต่ประกอบด้วยน้ำร้อนแทนที่จะเป็นแก๊ซ ที่ใจกลางของดาวยูเรนัสจะมีแกนก้อนหินเล็กๆ

ด้านในของดาวยูเรนัส     ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นได้มากนักบนดาวยูเรนัส แต่นักดาราศาสตร์ได้พบสิ่งประหลาดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับดาวยูเรนัส คือดาวยูเรนัสจะเอียงข้าง แกนของมันจะเอียงเพื่อว่าขั้วของมันจะตั้งเกือบอยู่ในทิศทางเดียวกับการเคลื่อนไหวของดาวยูเรนัส ไม่มีดาวเคราะห์ดวงใดที่มีลักษณะดังกล่าว เหตุผลที่ดาวยูเรนัสมีการเอียงมากอาจเห็นเพราะว่าครั้งหนึ่งเคยถูกกระแทกโดยดาวเคราะห์น้อย ในขณะที่ดาวยูเรนัสหมุนรอบดวงอาทิตย์ ขั่งข้างหนึ่งจะชี้ไปทางดวงอาทิตย์ ขั้วที่ชี้ไปทางดวงอาทิตย์จะเห็นแสงสว่างของเวลากลางวันเป็นเวลา 22 ปี แล้วด้านนี้จะหมุนไปด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์อยู่ในความมืดอีก 22 ปี ยานวอยาเจอร์พบว่าขั้วมืดจะอบอุ่นกว่าขั้วที่มีแสงสว่างเล็กน้อยไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด



วงแหวนและดาวบริวารของดาวยูเรนัส
     วงแหวนของดาวยูเรนัสมีความมืดมาก ผิดกับวงแหวนที่สว่างของดาวเสาร์ ถ้าไม่มองด้วยกล้องโทรทัศน์ก็จะมองไม่เห็น วงแหวนของดาวยูเรนัสถูกพบโดยหอดูดาวแอร์บอร์นในปี 1977 ซึ่งเป็นยานชนิดพิเศษที่นำกล้องโทรทัศน์ไปด้วย นักดาราศาสตร์บนเครื่องบินเฝ้ามองดูดาวยูเรนัสเมื่อมีดาวฤกษ์เคลื่อนไหวมาตรงข้ามหน้าของมัน ยานวอยาเจอร์ 2 มองดูที่วงแหวนเมื่อมันบินผ่านดาวยูเรนัส วงแหวนของดาวยูเรนัสจะแคบ วงแหวนที่กว้างที่สุดคือช่องว่างที่ใหญ่ซึ่งประกอบไปด้วยก้อนฝุ่น ยานวอเยเจอร์พบส่วนโค้งบางอย่าง ซึ่งเป็นส่วนของวงแหวนที่ไม่สมบูรณ์ วงแหวนของดาวยูเรนัสประกอบด้วยชิ้นน้ำแข็งมืดที่เคลื่อนไหว น้ำแข็งประกอบด้วยมีเทนแข็ง ชิ้นส่วนของมันอาจจะชนกันและทำให้เกิดฝุ่นที่อยู่ในช่องว่างระหว่างวงแหวน

ดาวบริวารที่ประหลาด
     ยานวอยาเจอร์ยังพบดาวบริวารขนาดเล็กสิบดวงที่อยู่รอบดาวยูเรนัสซึ่งไม่เคยพบมาก่อน ทั้งหมดหมุนรอบๆระหว่างวงแหวนและดาวมิแรนดา มิแรนดาเป็นดาวที่อยู่ใกล้ที่สุดของบรรดาดาวทั้งห้าดวงซึ่งเป็นที่รู้จักกันมาก่อนแล้ว ดาวบริวารเหล่านี้ประกอบด้วยน้ำแข็งและหิน เป็นดาวบริวารที่แปลกประหลาดที่สุดในระบบสุริยะ ดาวบริวารของดาวยูเรนัสมีหย่อมขนาดใหญ่สีขาวและสีดำ ซึ่งอาจเกิดจากการผสมกันระหว่างน้ำแข็งและแก๊ซแข็ง มีหุบเขาลึกและภูเขาสูงด้วยเช่นเดียวกัน บนดาวมิแรนดาจะมีหน้าผาสูงสิบสองไมล์ นักดาราศาสตร์คิดว่าครั้งหนึ่งมิแรนดาอาจแตกเป็นส่วนๆต่อมา ชิ้นส่วนเหล่านี้กลับเข้ามาประกบอีกเหมือนก่อน



ข้อมูลจำเพาะของดาวพุธ
ระยะห่างจากดวงอาทิตย์2,870,972,200 ก.ม.
19.19126393 A.U.
หมุนรอบตัวเอง0.71833 วัน(หมุนกลับหลัง)
หมุนรอบดวงอาทิตย์83.74740682 ปี
เส้นผ่านศูนย์กลาง51,118 ก.ม. (4.007 เท่าของโลก)
ปริมาตร52 เท่าของโลก
มวล8.6849 x1025 ก.ก.
ความหนาแน่น1300 ก.ก./ม3
ความเร่งที่พื้นผิว869 ซ.ม./วินาที2
ความเร็วเฉลี่ย6.8352 ก.ม./วินาที
ความเร็วการผละหนี21.29 ก.ม./วินาที
ความรีของวงโคจร0.04716771
ความเอียงระนาบวงโคจร0.76986 องศา
ความเอียงของแกนหมุน97.86 องศา
อุณหภูมิชั้นบรรยากาศ76 องศาเคลวิน
ก๊าซในชั้นบรรยากาศH2, He, CH4
ดาวบริวาร1. Cordelia
2. Ophelia
3. Bianca
4. Cressida
5. Desdemona
6. Juliet
7. Portia
8. Rosalind
9. Belinda
10. Puck
11. Miranda
12. Ariel
13. Umbriel
14. Titania
15. Oberon
16. Caliban (97U1)
17. Sycorax (97U2)
18. 1986 U10
19. S/1999 U1
20. S/1999 U2
21. S/1999 U3



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น